การฝังยาคุม เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว แต่สามารถคุมกำเนิดได้ระยะยาว และมีประสิทธิภาพสูง โดยการฝังแท่งยาขนาดเล็กที่บรรจุฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) ไว้ใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านในของผู้หญิง ฮอร์โมนนี้จะถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ เพื่อยับยั้งการตกไข่ ทำให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้นขึ้นและเยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ส่งผลให้สเปิร์มไม่สามารถเข้าถึงไข่และไม่มีการฝังตัวของตัวอ่อน
ขั้นตอนการฝังยาคุมกำเนิด
- ผู้ที่ต้องการฝังยาคุมต้องเข้ารับคำปรึกษาและตรวจร่างกายเบื้องต้นเพื่อประเมินความเหมาะสม
- แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณต้นแขนด้านใน
- ใช้อุปกรณ์เฉพาะในการฝังแท่งยาคุมใต้ผิวหนัง
- ขั้นตอนการฝังใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และไม่มีการผ่าตัดใหญ่
- ควรเริ่มฝังยาภายใน 7 วันแรกของการมีรอบเดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการใช้ยาฝังคุมกำเนิด
- หลังฝัง แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผลฝังในช่วงแรก และนัดติดตามผล
ข้อดีของการฝังยาคุมกำเนิด
- ประสิทธิภาพสูงเกือบ 100% ในการป้องกันการตั้งครรภ์
- สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของยา
- เป็นวิธีที่มีความสะดวก ไม่ต้องการการดูแลต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องจดจำการกินยาคุมรายวัน หรือการใช้วิธีอื่น ๆ อย่างถุงยางอนามัย
- ปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น ผู้ที่มีประวัติการเกิดลิ่มเลือดหรือความดันโลหิตสูง
- สามารถถอดออกได้ เมื่อต้องการมีบุตร เพียงถอดยาฝังออก ฮอร์โมนจะหมดฤทธิ์ในเวลาไม่นาน ตกไข่ใน 1 เดือน
- อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดซีสต์ในรังไข่ และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- ไม่มีผลกระทบต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
ผลข้างเคียงของการฝังยาคุมกำเนิด
อาการประจำเดือนผิดปกติ : เช่น เลือดออกกะปริบกะปรอย หรือไม่มีประจำเดือน
ฮอร์โมนส่งผลต่ออารมณ์ : บางรายอาจมีอาการหงุดหงิด ซึมเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวน
อาการทางร่างกาย : อาจพบอาการปวดหัว คลื่นไส้ น้ำหนักเพิ่ม หรือปวดบริเวณที่ฝังยาคุม
เลือดออกผิดปกติ : ในบางรายอาจเกิดเลือดออกผิดปกติในช่วงแรกของการฝังยาคุม
ผลกระทบเฉพาะจุด : อาจเกิดรอยฟกช้ำหรืออาการแพ้บริเวณที่ฝังแท่งยาคุม
ทั้งนี้การฝังยาคุมกำเนิดควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ เพื่อประเมินความเหมาะสมและรับทราบข้อจำกัดหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ปัจจุบันการขอรับบริการฝังยาคุมกำเนิดฟรีจากโรงพยาบาลของรัฐเป็นสิทธิที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบระยะยาว ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการที่สนับสนุนโดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน หรือติดต่อสอบถามที่สายด่วน 1330