สิ่งที่เพศหญิงทุกคนเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ หรือช่วงอายุประมาณ 10 – 13 ปีต้องเจอเป็นประจำทุกเดือนคือการมีประจำเดือน หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า “เมนส์”

ประจำเดือน คือ เลือดที่ออกจากช่องคลอดของเพศหญิง ทุกๆ 21-35 วัน โดยปกติส่วนใหญ่เเล้วประจำเดือนนั้นจะมาครั้งละไม่เกิน 7 วัน  ใช้ผ้าอนามัยวันละประมาณ 3-4 แผ่น และจะเข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือนเมื่ออายุประมาณ 45-55 ปี

ประจำเดือนสามารถบอกรายละเอียดถึงโรคต่างๆ ของผู้หญิงได้ หากประจำเดือนของคุณมากะปริบกะปรอย อาจจะดูเป็นเรื่องที่ผิดปกติแต่ทั้งนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ โดยปริมาณอาจจะเป็นเพียงหยดเล็กๆ หรือเปื้อนผ้าอนามัยเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ควรเป็นต่อเนื่องกัน 7 วันหรือเป็นประจำทุกครั้ง หากพบปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาเพราะเป็นไปได้ว่า ประจำเดือนของคุณอาจจะกำลังเเสดงถึงความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย

สาเหตุที่สามารถทำให้ ประจำเดือนกะปริบกะปรอย

การตั้งครรภ์  รวมถึงการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ หรือการแท้งบุตร ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้

ผลข้างเคียงจากการคุมกำเนิด หรือการรับประทานยาที่มีฮอร์โมนเพศหญิง การรับประทานยาคุม ฉีดยาคุม และการฝังยาคุม ก็สามารถเป็นเหตุให้ประจำเดือนมากะปริบกะปรอยได้เช่นกัน หากคุณผู้หญิงที่มีการคุมกำเนิดอยู่ พบว่าตนนั้นมีอาการผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิด

การรับประทานยาสมุนไพรบางชนิด เช่นกวาวเครือ ยาสมุนไพรบางชนิดก็สามารถเป็นเหตุกระตุ้นที่ทำให้มีอาการเลือดออกอย่างผิดปกติได้

การเกิดโรคต่างๆ เช่น การมีเนื้องอก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก การติดเชื้อ รวมไปถึงมะเร็งปากมดลูก ที่อาจจะทำให้ร่างกายเเสดงอาการที่ผิดปกติออกมาเพื่อแจ้งเตือน

และข้อสุดท้าย ความเครียด หรือการขาดสารอาหารบางชนิด ก็สามารถทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติได้เช่นกัน 

วิธีการดูแลตนเองเมื่อมีประจำเดือนมาไม่ปกติ

1.     ควรใส่ใจ ดูแลตนเอง ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์

2.     ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ทำอารมณ์ให้แจ่มใส

3.     สำหรับผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไปควรตรวจภายในประจำปีเป็นประจำทุกๆ ปี เพราะเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งในสตรี

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าประจำเดือนของคุณผู้หญิงสามารถบอกรายละเอียดต่างๆ ได้มากมาย หากคุณผู้หญิงท่านใดที่มีอาการผิดปกติ เลือดออกกะปริบกะปรอยเป็นเวลานาน แม้ว่าจะไม่มีอาการเจ็บปวดก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที หรือสำหรับท่านใดที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการที่บ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพใดใด ก็สามารถเข้ารับการตรวจภายในหรือตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างเป็นประจำทุกปีได้ เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยง และช่วยป้องกันสุขภาพของท่านได้