การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมเป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกช่วงวัย โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การขาดความรู้เรื่องเพศ การไม่ใช้วิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม หรือสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย การป้องกันจึงกลายเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่สุดในการจัดการปัญหานี้ การป้องกันที่ถูกวิธีไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกาย แต่ยังลดผลกระทบในหลายมิติ เช่น จิตใจ การศึกษาของผู้หญิง และความมั่นคงในชีวิตครอบครัว
ปัจจัยสำคัญในสังคมที่ทำให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
- การขาดความรู้การคุมกำเนิด ไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ขาดการศึกษา ความเชื่อผิด ๆ สังคมที่ไม่เปิดเผยเรื่องเพศ
- การคุมกำเนิดไม่ถูกวิธี ด้วยความเชื่อผิดๆ เช่น การหลั่งนอก การกลั้นอสุจิ สวนล้างช่องคลอด และการนับวันก่อนมีประจำเดือน 7 วัน และหลังมีประจำเดือนอีก 7 วัน
การคุมกำเนิดมีอยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การใช้ถุงยางอนามัย การทานยาคุมกำเนิดแบบเม็ด การฉีดยาคุม การใส่ห่วงอนามัย หรือการฝังยาคุมกำเนิด การคุมกำเนิดด้วยวิธีต่างๆเหล่านี้ จำเป็นต้องมีความรู้ในการคุมกำเนิดพอสมควร การเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสม เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาทั้งด้านสุขภาพ ความสะดวก และเป้าหมายของผู้ใช้ เนื่องจากวิธีการคุมกำเนิดแต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน การเลือกวิธีที่เหมาะสมจะช่วยให้การคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพและส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้ใช้ในระยะยาว
- การคุมกำเนิดแบบใช้ถุงยางอนามัย เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ใช้ได้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่มีผลข้างเคียงต่อฮอร์โมน หลังหยุดใช้สามารถมีบุตรได้ทันที ไม่มีผลต่อการเจริญพันธุ์
- ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ถึง 99% หากใช้อย่างถูกต้อง ควรรับประทานเป็นประจำทุกวัน ตรงตามเวลา อาจช่วยปรับประจำเดือนให้มาสม่ำเสมอ และอาจมีผลลดอาการปวดประจำเดือนและเลือดออกผิดปกติ ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม และ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ข้อควรระวัง หากลืมรับประทานหรือรับประทานไม่สม่ำเสมอตามคำแนะนำ ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์จะลดลง
- การฉีดยาคุม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับประทานยาเป็นประจำทุกวัน ประเภทของยาฉีดคุมกำเนิด ได้แก่ ยาฉีดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ใช้ฉีดทุก 3 เดือน ผลข้างเคียงอาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย สามารถใช้ได้ในผู้ที่ให้นมบุตร ยาฉีดชนิดฮอร์โมนรวม ใช้ฉีดทุก 1 เดือน มีจุดเด่นตรงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการมาของประจำเดือน แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังให้นมบุตร เพราะอาทำให้น้ำนมแห้ง
- การใส่ห่วงอนามัย เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ระยะยาว และผู้ที่ไม่สะดวกในการรับประทานยา หรือฉีดยา ปัจจุบันห่วงอนามัย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดง มีอายุการใช้งาน 5-10 ปี และห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมนโพรเจสติน มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี ขั้นตอนการใส่ห่วง แพทย์จะตรวจภายในเพื่อประเมินขนาดและตำแหน่งของมดลูก แพทย์จะเป็นผู้ใส่ห่วงอนามัยเข้าไปในโพรงมดลูกผ่านปากมดลูก ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ผลข้างเคียงในระยะแรก หลังใส่ห่วง 1-3 เดือนแรก อาจมีอาการปวดท้องเมื่อมีประจำเดือน และมีเลือดออกกะปริบกะปรอย และควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงแรก 7 วันหลังใส่ห่วง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หากต้องการมีบุตร สามารถทำได้ทันทีเมื่อถอดห่วง อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกชนิดของห่วงที่เหมาะสมกับสุขภาพและความต้องการ
- การฝังยาคุมกำเนิด เป็นอีกหนึ่งในวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความปลอดภัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ระยะยาว อายุการใช้งาน 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของแท่งยา ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ยาฝังคุมกำเนิดมีลักษณะเป็นแท่งเล็กๆ ขั้นตอนการฝังยา แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่ ใช้เครื่องมือฝังแท่งยาคุมใต้ผิวหนังบริเวณต้นแขนด้านใน หลังการฝังยา อาจมีรอยแดงหรือช้ำเล็กน้อยในช่วงแรก ซึ่งจะหายไปเอง ควรงดออกกำลังกายหนักในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ข้อดีของการฝังยาคุมกำเนิดคือ ผู้ให้นมบุตรสามารถใช้ได้ มีผลข้างเคียงน้อย สามารถให้แพทย์ถอดยาฝังออกเมื่อใดก็ได้ เมื่อถอดยาฝังออกแล้วการตกไข่จะกลับมาเป็นปกติสามารถวางแผนมีบุตรหรือเปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิดเป็นแบบอื่นได้ ส่วนผลข้างเคียงจากฮอร์โมน อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือขาดประจำเดือน และอาจมีอาการอารมณ์แปรปรวน เกิดขึ้นได้ในช่วงแรกแต่มักจะค่อยๆ ลดลงเมื่อร่างกายปรับตัวได้
การคุมกำเนิดที่ถูกวิธีถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่ต่อสุขภาพกายของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพจิต โอกาสในชีวิต และความมั่นคงในอนาคต การตั้งครรภ์ที่ไม่ได้วางแผนไว้อาจทำให้ผู้หญิงเผชิญกับปัญหาและสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวกับบทบาทของความเป็นแม่ ความเครียดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างฉับพลัน หรือแม้กระทั่งความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าหลังคลอด รวมไปถึงผลกระทบที่อาจจะส่งผลในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากคุณแม่หรือครอบครัวไม่พร้อมรับสำหรับการตั้งครรภ์
- ผลกระทบทางจิตใจ : การท้องไม่พร้อมมักทำให้เกิดความเครียด หรือความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต รวมถึงภาระการเลี้ยงดูบุตรในอนาคต จึงนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
- ผลกระทบทางสุขภาพ : การท้องไม่พร้อมอาจเสี่ยงต่อสุขภาพทั้งแม่และทารกในครรภ์ หากผู้หญิงไม่มีความพร้อมทางด้านสุขภาพ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งท้องได้
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจ : ผู้หญิงหรือครอบครัวที่ไม่มีความพร้อมทางด้านการเงิน อาจนำไปสู่ความยากลำบากในการเลี้ยงดูบุตร เนื่องจากผู้หญิงต้องหยุดหรือชะลอการศึกษาหรืออาชีพ ทำให้โอกาสทางการเงินในอนาคตลดลง และส่งผลให้สถานะทางการเงินของครอบครัวแย่ลง
- ผลกระทบทางสังคม : ขาดการยอมรับทางสังคม ในบางสังคมมีค่านิยมดั้งเดิม การท้องไม่พร้อมอาจทำให้ผู้หญิงต้องเผชิญกับการตัดสินจากคนรอบข้าง ทำให้รู้สึกอับอายโดดเดี่ยว และในคู่รักที่ไม่ได้วางแผนมีบุตรในช่วงนั้น อาจทำให้เกิดความขัดแย้งหรือปัญหาทางความสัมพันธ์ ซึ่งนำไปสู่การแยกทาง และการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมทำให้เด็กเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ขาดโอกาส ส่งผลให้เกิดปัญหาทางพฤติกรรมหรือสังคมในอนาคต
การคุมกำเนิดจึงเป็นแนวทางป้องกันตั้งแต่แรกเริ่ม
การคุมกำเนิดมีความสำคัญในการวางแผนครอบครัว และการพัฒนาคุณภาพชีวิต การคุมกำเนิดไม่เพียงมีจุดประสงค์แค่ป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพช่วยลดการตั้งท้องไม่พร้อม และยังลดอัตราการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย การตั้งท้องเป็นสาเหตุสำคัญของการทำแท้ง โดยเฉพาะการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยซึ่งเสี่ยงต่อชีวิต และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมที่อาจเกิดขึ้นได้ การให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดและการเข้าถึงวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญ ต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี
หากต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการตั้งท้องไม่พร้อม สามารถติดต่อ สายด่วนสุขภาพ 1663 (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ – สสส.) ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพทางเพศและการตั้งท้องไม่พร้อม โทรฟรีทุกวัน เวลา 9:00-21:00 น.
ปัจจุบันการขอรับบริการด้านการคุมกำเนิด ทั้งแบบรับประทาน ห่วงอนามัย ยาฉีดคุมกำเนิด รวมถึงการฝังยาคุมกำเนิดฟรีจากโรงพยาบาลของรัฐเป็นสิทธิที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดแบบระยะยาว ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการที่สนับสนุนโดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านโรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน หรือติดต่อสอบถามที่สายด่วน 1330
ติดตามความรู้และการปรึกษาเรื่องการคุมกำเนิดที่ LINE OA – Teen Club ได้ที่นี่
ค้นหาคลินิกได้ที่นี่